tag:blogger.com,1999:blog-47887362606531086812024-03-12T18:31:33.435-07:00จิตสาธารณะjarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.comBlogger8125tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-74753489614937541112010-08-04T02:44:00.002-07:002010-08-04T03:04:46.056-07:00แหล่งความรู้การวิจัยทางการศึกษา<strong><span style="color:#000099;">แหล่งการเรียนรู้จากตัวบุคคล</span></strong><br /><span style="color:#cc66cc;">1) ทฤษฏีการวิจัย</span><br />• Kemmis and McTaggart1988 , Freeman1996 , Snell and -Janney2000, Collins and Spiegel.n.d. , Cohen and ---Marion1985 , Burns 1999 , Foshey1998 , Henron1985 , Talbert1993 ,<br />• เอลเลียต(Ell:ott.1991) , กุลยา ตันติผลาชีวะ2544 , สุวิมล ว่องวาณิช2543, ทัศนา แสวงศักดิ์2543,<br />• เยาวภา เจริญบุญ2538, อรุณศรี อนันตรศิริชัย2544, ครุรักษ์ ภิรมย์รักษ์<br /><span style="color:#cc33cc;">2) รูปแบบการวิจัย</span><br />• การ์ดอน เอ็ดเวิร์ด ฟังส์ (Gordon Edword Fuchs , 1980)<br />• พร้อมพรรณ อุดมสิน (2542: 12 -17)<br />• เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์ (2539 : 185-186)<br />• ชูศรี วงศ์รัตน (2523: 51-55)<br />• ล้วน สายยศและ อังคนา สายยศ (2538: 235-262)<br />• ประวัติ เอราวรรณ์ (2539:184-185)<br />• บัญชา อึ๋งสกุล (2539:61-73)<br />• นูแนน (Nunan.1989:online)<br /><span style="color:#009900;">3) การออกแบบการวิจัย<br /></span>• เกศินี วุฒิการณ์ สภาวิจัยแห่งชาติ<br />• ญาณิศา ยอดคำ สภาวิจัยแห่งชาติ<br /><span style="color:#ff6600;">4) กระบวนการวิจัย</span><br />• อาจารย์ประจำภาควิชา “การวิจัย”<br /><span style="color:#cc33cc;">5) สถิติเพื่อการวิจัย<br /></span>• ดร.สุธาสินี บุญญาพิทักษ์ 46/26 ซอยสามสิงห์ ถนนกาญจน-วณิช ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 90000โทรศัพท์ 0 7433 3631, 0 7444 8583, 0 1386 8587 e-mail : SUTHASINEE@TSU.ac.th<br />• ดร.จารุวรรณ พลอยดวงรัตน์<br />• ดร.เสกสรรค์ ทองคำบรรจง<br /><span style="color:#333399;">6) การวิจัยในชั้นเรียน</span><br />• นายเอกชัย ผาบไชย รองผู้อำนวยการ สพท.เชียงรายเขต1<br />• รศ.เชาวน์ มณีวงษ์ กศ.บ. (ประวัติศาสตร์) วิทยาลัยการศึกษา บางแสน พ.ศ.2501 ค.ม. (บริหารการศึกษา) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2519<br /><span style="color:#6600cc;">7) การฝึกปฏิบัติการวิจัย<br /></span>• คณะกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ<br />• นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล<br />• นายพจน์ สะเพียรชัย (ประธานกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติสาขาการศึกษา)<br />• ศ.ดร.ปิยะวัติ บุญหลง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น (สกว.)<br />• ดร.สมคิด แก้วทิพย์ รักษาการหัวหน้า สกว. สำนักงานภาค<br />8) การค้นคว้า ศึกษางานวิจัยในการพัฒนากระบวนการจัดดารเรียนรู้<br />9) การใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหา<br /><br /><span style="color:#993399;">แหล่งการเรียนรู้จาก Internet</span><br /><span style="color:#009900;">1) ทฤษฏีการวิจัย<br /></span>• www.thaisearchsite.com<br />• www.slc.ac.th<br />• www.narinsite.com<br />• e-learning.kku.ac.th<br />• www.human.cmu.ac.th ,<br />• www.kru-itth.com<br />• www.chan1.go.th<br />• www.pnru.ac.th<br />• www.edu.lpru.ac.th<br />• www.onec.go.th,edu.pbru.ac.th<br />• www.academic.chula.ac.th<br />• www.bookpoint.co.th<br />• www.rsu.ac.th<br />• www.mcu.ac.th<br />• www.graduate.cmru.ac.th<br />• www.azizstan.ac.th<br />• www.edu.nu.ac.th<br /><span style="color:#009900;">1) รูปแบบการวิจัย</span><br />• http://www.edu.nu.ac.th<br />• http://www.hrdthai.com<br />• http://www.7.ewebcity.com<br />• http://www.thaiteacher.org<br />• http://www.cogs.susx.ac.uk<br />• http://www.clark.net<br />• http://www.hrdthai.come<br />• http://www.edu.nu.ac.th<br />• http://www.filename.come<br />• http://www.useit.come<br /><span style="color:#009900;">2) การออกแบบการวิจัย</span><br />• http://www.geocities.com/athovicha/st_res01.htm<br />• http://www.science.cmru.ac.th/statistics/stat_research<br />• http://www.watpon.com/th/mod/resource/view.php?id=6<br /><span style="color:#009900;">3) กระบวนการวิจัย</span><br />• http://vdo.kku.ac.th/mediacenter/mediacenteruploads/libs/html/1166/unit1_6.html<br /><span style="color:#000099;">4) สถิติเพื่อการวิจัย</span><br />• http://www.ipst.ac.th/research/classroom/knowledge.htm<br />• http://www.moe.go.th/wijai/profile1.html<br />• http://www.moobankru.com/article_18_09_2002.html#T1<br />• http://www.geocities.com/inno_thai/r_research/car.htm<br />• http://www.kunkroo.com/research1.html<br />• http://www.cr3.go.th/a.k.k.s/k.s/paper/ratana02/ratana02.htm<br />• http://www.lib.lpru.ac.th/be/re_class.htm<br /><span style="color:#000099;">5) การวิจัยในชั้นเรียน</span><br />• http://61.19.32.116/e-articles/Rearticle.php?reNews=21<br />• http://www.onesqa.or.th<br />• www.mcu.ac.th/site/<br />• http://www.edu.msu.ac.th/remsu/<br /><span style="color:#009900;">6) การฝึกปฏิบัติการวิจัย</span><br /><span style="color:#ffcc33;">7) การนำเสนอผลงานวิจัย</span><br />• www.wny.ac.th<br />• www.huso.buu.ac.th<br />8) การค้นคว้า ศึกษางานวิจัยในการพัฒนากระบวนการจัดดารเรียนรู้<br />9) การใช้กระบวนการวิจัยในการแก้ปัญหา<br />10) การเสนอโครงงานเพื่อทำวิจัย<br />• www.nrru.ac.th/research<br />• www.moralcenter.or.th<br />• www.chontech.ac.th<br /><br />แหล่งการเรียนรู้จาก หนังสือ/ตำรา<br />1) ทฤษฏีการวิจัย<br />• กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้(Research for Learning Development). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.<br />• ชัยพจน์ รักงาม. (2544). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.<br />• ทิศนา แขมมณี. (2540). การวิจัยทางการศึกษา(Education Research). ในทิศนา แขมมณี,<br />• สร้อยสน สกลรักษ์. (บรรณาธิการ) แบบแผนและเครื่องมือการวิจัยทางการศึกษา.กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.<br />• บัญชา แสนทวี. (2545). วิจัยในชั้นเรียน : จากทฤษฎีสู่ปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช.<br />• ประวิต เอราวรรณ์. (2545). การวิจัยในชั้นเรียน CLASSROOM RESEARCH (ฉบับปรับปรุงใหม่). กรุงเทพฯ : บริษัท สำนักพิมพ์ดอกหญ้าวิชาการ จำกัด.<br />• พิมพ์พันธ์ เตชะคุปต์ , พเยาว์ ยินดีสุข และราเชน มีศรี. (2544). วิจัยในชั้นเรียน : หลักการสู่การ ปฏิบัติ.กรุงเทพฯ : บริษัท เดอะมาสเตอร์กร๊ป แมเนจเม้นท์.<br />• อุทุมพร จามรมาน. (2537). การจัยของครู. กรุงเทพฯ : ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.<br />• กมล สุดประเสริฐ. (2539). “การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษา,” ใน เอกสารการสอนชุดวิชาสถิติวิจัย และการประเมินผลการศึกษา. หน้า 341-397. นนทบุรี : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.<br />• กรมวิชาการ. (2543 ก). วิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา.<br />• ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2527). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์และทำปกเจริญผล.<br />• ดิลก บุญเรืองรอด ประพนธ์ เจียรกูล และพูลทรัพย์ นาคนาคา. (2537). ชุดฝึกอบรมหลักสูตร เสริมสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา เรื่องการวิจัยเชิงคุณภาพ. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนา พานิช.<br />• บัญชา อึ๋งสกุล. (2545). “การวางแผน การทำวิจัยในชั้นเรียน (Classroom Action Research),” วารสารบริหารการศึกษา มศว 1(2) : 10-13.<br />• บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธ์. (2540). ระเบียบวิธีการทางสังคมศาสตร์ (Social Sciences Research Methodology).พิมพ์ครั้งที่ 7 . กรุงเทพฯ : บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. กรุงเทพฯ : บพิธการพิมพ์.<br />• มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (2530). พจนานุกรม ฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ. 2530. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช.<br />• รวีวรรณ ชินะตระกูล. (2533). คู่มือการทำวิจัยทางการศึกษา Manual for Educational Researchers. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดการพิมพ์.<br />• วัญญา วิศาลาภรณ์. (2540). การวิจัยทางการศึกษาหลักการและแนวทางการปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : บริษัทต้นอ้อแกรมมี่ จำกัด.<br />• วิจารณ์ พานิช. (2542). “การศึกษากับการวิจัย,” ใน ปฏิวัติการศึกษาไทยแก้ปัญหาฆาตกรรมทาง จิตวิญญาณ. หน้า 52-65. กรุงเทพฯ : บริษัทอมรินทร์พรินติ้ง แอนด์พับลิชชิ่งจำกัด (มหาชน).<br />• สุวัฒนา สุววรณเขตนิคม. (2538). “หลักการ แนวคิดและรูปแบบเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน” ใน เส้นทางสู่การวิจัยในชั้นเรีย. กรุงเทพฯ : บริษัทบพิธการพิมพ์.<br />• สุวิมล ว่องวาณิช. (2543). “แนวคิดและหลักการของการทำวิจัยในชั้นเรียน,” ใน ประมวล บทความนวัตกรรมเพื่อการ เรียนรู้สำหรับครูยุคปฏิรูปการศึกษา. บรรณาธิการโดยพิม พันธ์ เดชะคุปต์<br />• กรมวิชาการ. (2539). ครูกับการวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.<br />• กรมวิชาการ. (2542). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา.<br />• กุลยา ตันติผลาชีวะ. (2545). การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนปฐมวัยศึกษา .กรุงเทพฯ : เอดิสัน เพรสโปรดักส์.<br />• น้อมศรี เคท. (2545). การวิจัยในชั้นเรียนระดับอนุบาล. กรุงเทพฯ : บริษัท พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว).จำกัด.<br />• ผ่องพรรณ ตรัยมงคลกูล. (2543). การวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.<br />• พิชิต ฤทธิ์จรูญ. (2544). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ.<br />ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. (2538). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ<br />: โรงพิมพ์สุรีวิยาสาสน์.<br />วัฒนา มัคคสมัน. (2545). “ เทคนิคการจัดกิจกรรมการเยนการสอนภาษาไทย การทำโครงงาน และวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาผู้เรียน ระดับก่อนประถมศึกษา และประถมศึกษา. ” เอกสารประกอบการอบรมเชิงปฏิบัติการ. 5-13.<br />สมหวัง พิธิยุวัฒน์. (2543). คุณภาพงานวิชาการเพื่อพัฒนาการศึกษา. เอกสารการวิจัยทางการศึกษา. กองวิจัยทางการศึกษา กรมวิชาการ.<br />สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ. (2536). สภาพการวิจัยทางการศึกษาในประเทศ ไทย. กรุงเทพฯ : อัมรินทร์พริ้นติ้ง.<br />สุวิมล ว่องวานิช. (2544). การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ : โขนงพิมพ์อักษรไทย.<br /><br />กระทรวงศึกษาธิการ กองวิจัยทางการศึกษา , กรมวิชาการ. ( 2537 ). การนำผลการวิจัยไปใช้ใน การจัดการศึกษา. สรุปผลการประชุมปฏิบัติการเกี่ยวกับวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การศาสนา ,<br />คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ , กระทรวงศึกษาธิการ. ( ม.ป.ป. ). ( 2536 ). การวิจัยใน ชั้นเรียนหน่วยที่ 1 : การวิจัยสำหรับครูประถมศึกษายุคใหม่. กรุงเทพฯ : สามเจริญ พานิช.<br />คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ , กระทรวงศึกษาธิการ. ( ม.ป.ป. ). ( 2538 ). รายงานการ ประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ทิศทางการวิจัยทางการศึกษาของชาติ. กรุงเทพฯ : สำนัก สารสนเทศทางการศึกษา , สำนักนายกรัฐมนตรี.<br />จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , ฝ่ายวิจัย. ( 2529 ). “ หลักและวิธีวิจัย, ” คู่มือการรับทุนวิจัย. พิมพ์ครั้งที่ 3 กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.<br />ชูศรี วงศ์รัตนะ. ( 2523 ). เอกสารประกอบการสอนวิชาการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์. ภาควิชา พื้นฐานการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.<br />บุญธรรม กิจปรีดาบริสุทธิ์. ( 2535 ). ระเบียบวิธีการวิจัยทางสังคมศาสตร์. พิมพ์ครั้งที่ 6 กรุงเทพฯ : บี แอนส์ บี พับบริสชิ่ง<br />บุญธรรม จิตต์อนันต์. ( 2536 ). การวิจัยทางสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ : สำนักส่งเสริมและ ฝึกอบรมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.<br />บุญเรือง ขจรศิลป์. ( 2530 ). วิธีวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.<br />พวงรัตน์ ทวีรัตน์. ( 2538 ). วิธีการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์และสังคมศาสตร์. กรุงเทพฯ : สำนักทดสอบการศึกษาและจิตวิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.<br />รวีวรรณ ชินะตระกูล. ( 2536 ). วิธีวิจัยการศึกษา. กรุงเทพฯ : คณะคุรุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอม เกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง.<br />ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ. ( 2538 ). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ : สุวีริยา สาส์น.<br />ศึกษาธิการ, กระทรวง. ( 2534 ). นโยบายและแนวทางการวิจัยการศึกษา การศาสนา และการ วัฒนธรรมของ กระทรวงศึกษาธิการฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535 – 2539. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว.<br />อนันต์ ศรีโสภา. ( 2527 ). หลักการวิจัยเบื้องต้น. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.<br />กรมวิชาการ. กองวิจัยทางการศึกษา. ( 2535 ). การวิจัยเชิงพัฒนาระดับโรงเรียน. กรุงเทพฯ : โรง พิมพ์การศาสนา.<br />กรมวิชาการ. กองวิจัยทางการศึกษา. ( 2542 ). วิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ การศาสนา.<br />กรมวิชาการ. กองวิจัยทางการศึกษา. ( 2543 ). การวิจัยในชั้นเรียน กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์การ ศาสนา.<br />กรมสามัญศึกษา. ( 2540 ). การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน. กรุงเทพฯ : กรมสามัญศึกษา.<br />คงศักดิ์ ธาตุทอง. ( 2542 ). การวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ : บริษัทยูแพคจำกัด.<br />คุรุรักษ์ ภิรมย์รักษ์. ( 2543 ). เรียนรู้และฝึกปฏิบัติการวิจัยในชั้นเรียน. ชลบุรี : โรงพิมพ์งามช่าง.<br />ทัศนา แขมมณี. ( 2540 ). “ การวิจัยทางการศึกษา, ” แบบแผนและเครื่องมือการวิจัยทาง การศึกษา. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.<br />สุวัฒนา สุวรรณเขตนิคม. ( 2538 ). หลักการ แนวคิด และรูปแบบเกี่ยวกับการวิจัยในชั้นเรียน. กรุงเทพฯ :สำนักพิมพ์บพิธการพิมพ์.<br />เสริมศักดิ์ วิศาลาภรณ์. ( 2539 ). “ การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษา, ” ประมวลชุดวิชาประสบการณ์ วิชาชีพ. กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช.<br />อรัญญา สุธาสิโนบล. ( 2544 ). “ การวิจัยเชิงปฏิบัติการ, ” วารสารวิชาการ.<br />อุทุมพร จามรมาน. ( 2537 ). การเขียนโครงการวิจัย. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัดฟันนี่พลับ ลิชชิ่ง.jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-86316627685053816892009-11-06T08:01:00.000-08:002009-11-08T05:21:52.556-08:00การวัดผลและประเมินผล : ความหมายและประเภท<a href="http://1.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvRMlgnkOyI/AAAAAAAAAC4/sRH0-LM81Uo/s1600-h/16.gif"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5401026060418824994" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 188px; CURSOR: hand; HEIGHT: 128px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://1.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvRMlgnkOyI/AAAAAAAAAC4/sRH0-LM81Uo/s320/16.gif" border="0" /></a>
<br /><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;"></span></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ff0000;"><span style="font-family:arial;color:#ffffff;">..............</span><span style="font-family:arial;">การวัดผล (Measurement)</span></span><span style="font-family:arial;"> <span style="color:#993399;">คือการกำหนดตัวเลขให้กับวัตถุ สิ่งของ เหตุการณ์ ปรากฎการณ์ หรือพฤติกรรมต่าง ๆ หรืออาจใช้เครื่องมือไปวัดเพื่อให้ได้ตัวเลขแทนคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น ใช้ไม้บรรทัดวัดความกว้างของหนังสือได้ 3.5 นิ้ว ใช้เครื่องชั่งวัดน้ำหนักของเนื้อหมูได้ 0.5 กิโลกรัม ใช้แบบทดสอบวัดความรอบรู้ในวิชาภาษาไทยของเด็กชายแดงได้ 42 คะแนน เป็นต้น</span> </span>
<br /></span><div align="left">
<br /><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">............................</span>การวัดผลแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ</span>
<br /><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">........</span>1. วัดทางตรง</span> <span style="color:#993399;">วัดคุณลักษณะที่ต้องการโดยตรง</span> เช่น ส่วนสูง น้ำหนัก ฯลฯ มาตราวัดจะอยู่ในระดับ Ratio Scale
<br /><span style="color:#3366ff;"><span style="color:#ffffff;">........</span>2. วัดทางอ้อม</span> <span style="color:#993399;">วัดคุณลักษณะที่ต้องการโดยตรงไม่ได้ ต้องวัดโดยผ่านกระบวนการทางสมอง</span> เช่น </span></span></div><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:arial;">วัดความรู้ วัดเจตคติ วัดบุคลิกภาพ ฯลฯ มาตราวัดจะอยู่ในระดับ Interval Scale </span>
<br /></span><span style="font-family:arial;">
<br />
<br /></span><span style="font-family:arial;"></span><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">............................</span></span><span style="color:#3333ff;">การวัดทางอ้อมแบ่งออกเป็น 3 ด้านคือ</span>
<br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">........</span>2.1 ด้านสติปัญญา (Cognitive Domain)</span> <span style="color:#009900;">เช่น วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วัดเชาวน์ปัญญา วัดความถนัดทางการเรียน วัดความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ</span>
<br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">........</span>2.2 ด้านความรู้สึก (Affective Domain)</span> </span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#009900;">เช่น วัดความสนใจ วัดเจตคติ วัดบุคลิกภาพ วัดความวิตกกังวล วัดจริยธรรม ฯลฯ
<br /></span><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">........</span>2.3 ด้านทักษะกลไก (Psychomotor Domain)</span> </span><span style="font-size:130%;color:#009900;">เช่น การเคลื่อนไหว การปฏิบัติโดยใช้เครื่องมือ ฯลฯ
<br />การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง การนำเอาข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการวัดรวมกับการใช้วิจารณญาณของผู้ประเมินมาใช้ในการตัดสินใจ โดยการเปรียบเทียบกับเกณฑ์ เพื่อให้ได้ผลเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เนื้อหมูชิ้นนี้หนัก 0.5 กิโลกรัมเป็นเนื้อหมูชิ้นที่เบาที่สุดในร้าน (เปรียบเทียบกันภายในกลุ่ม) เด็กชายแดงได้คะแนนวิชาภาษาไทย 42 คะแนนซึ่งไม่ถึง 50 คะแนนถือว่าสอบไม่ผ่าน (ใช้เกณฑ์ที่ครูสร้างขึ้น) เป็นต้น
<br /></span></span>
<br /><span style="font-family:arial;"></span>
<br /><span style="font-family:arial;"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ffffff;">..................</span><span style="color:#cc33cc;">การประเมินผลแบ่งได้เป็น 2 ประเภท</span> การประเมินแบบอิงกลุ่มและการประเมินแบบอิงเกณฑ์
<br /><span style="color:#6600cc;"><span style="color:#ffffff;">.........</span>1. การประเมินแบบอิงกลุ่ม</span> </span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc33cc;">เป็นการเปรียบเทียบคะแนนจากแบบทดสอบหรือผลงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่งกับบุคคลอื่น ๆ ที่ได้ทำแบบทดสอบเดียวกันหรือได้ทำงานอย่างเดียวกัน นั่นคือเป็นการใช้เพื่อจำแนกหรือจัดลำดับบุคคลในกลุ่ม การประเมินแบบนี้มักใช้กับการ การประเมินเพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ หรือการสอบชิงทุนต่าง ๆ
<br /></span><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">........</span>2. การประเมินแบบอิงเกณฑ์</span> <span style="color:#cc33cc;">เป็นการเปรียบเทียบคะแนนจากแบบทดสอบหรือผลงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่งกับเกณฑ์หรือจุดมุ่งหมายที่ได้กำหนดไว้ เช่น การประเมินระหว่างการเรียนการสอนว่าผู้เรียนได้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ได้กำหนดไว้หรือไม่ </span></span></span>
<br /><span style="font-family:Arial;"></span><span style="font-family:arial;">
<br /></span><span style="font-family:arial;">
<br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ff6666;">ข้อแตกต่างระหว่างการประเมินผลแบบอิงกลุ่มและอิงเกณฑ์</span>
<br />
<br /></span><span style="font-size:130%;color:#3333ff;">การประเมินผลแบบอิงกลุ่ม
<br /></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">.........</span>1. เป็นการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้กับคะแนนของคนอื่น ๆ
<br /><span style="color:#ffffff;">.........</span>2. นิยมใช้ในการสอบแข่งขัน
<br /><span style="color:#ffffff;">.........</span>3. คะแนนจะถูกนำเสนอในรูปของร้อยละหรือคะแนนมาตรฐาน
<br /><span style="color:#ffffff;">.........</span>4. ใช้แบบทดสอบเดียวกันทำหรับผู้เรียนทั้งกลุ่มหรืออาจใช้แบบทดสอบคู่ขนาน เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบกันได้
<br /><span style="color:#ffffff;">.........</span>5. แบบทดสอบมีความยากง่ายพอเหมาะ มีอำนาจจำแนกสูง
<br /><span style="color:#ffffff;">.........</span>6. เน้นความเที่ยงตรงทุกชนิด</span> </span></span>
<br /></span><span style="font-family:arial;">
<br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#3333ff;">การประเมินแบบอิงเกณฑ์</span>
<br /></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#cc33cc;"><span style="color:#ffffff;">........</span>1. เป็นการเปรียบเทียบคะแนนที่ได้กับเกณฑ์ที่ได้กำหนดไว้
<br /><span style="color:#ffffff;">........</span>2. สำหรับการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนหรือเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน
<br /><span style="color:#ffffff;">........</span>3. คะแนนจะถูกนำเสนอในรูปของผ่าน-ไม่ผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
<br /><span style="color:#ffffff;">........</span>4. ไม่ได้เปรียบเทียบกับคนอื่น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องใช้แบบทดสอบฉบับเดียวกันกับผู้เรียนทั้งชั้น
<br /><span style="color:#ffffff;">........</span>5. ไม่เน้นความยากง่าย แต่อำนาจจำแนกควรมีพอเหมาะ
<br /><span style="color:#ffffff;">........</span>6. เน้นความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา</span>
<br />
<br /></span></span><span style="font-family:arial;"></span><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:arial;color:#3333ff;">เอกสารชุดนี้จัดทำโดย : ฉัตรศิริ ปิยะพิมลสิทธิ์. เมษายน ๒๕๔๔</span>
<br /><span style="font-family:arial;"></span>
<br /><span style="font-family:arial;"></span>
<br /><span style="font-family:arial;color:#ff0000;">บทความน่าสนใจ : </span></span><a href="http://www.watpon.com/th/mod/resource/view.php?id=4"><span style="font-family:arial;font-size:130%;color:#ff0000;">บคความวัดผลการศึกษา</span></a><span style="font-size:130%;">
<br /><strong></strong></span><strong></strong><strong></strong>
<br />jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-33980493429623655752009-11-06T07:43:00.000-08:002009-11-06T18:28:23.056-08:00การเขียนบทความการวิจัย โดย สุวิมล ว่องวินิช<a href="http://3.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvTbPnwmkQI/AAAAAAAAADg/Ls71z8aLRhc/s1600-h/u14725624.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5401182914541424898" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 308px; CURSOR: hand; HEIGHT: 320px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://3.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvTbPnwmkQI/AAAAAAAAADg/Ls71z8aLRhc/s320/u14725624.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="font-size:180%;">Attachment: </span><a href="http://images.tu2183.multiply.multiplycontent.com/attachment/0/R2KL6AoKCtgAAAIxXrw1/à¸à¸²à¸£à¹à¸à¸µà¸¢à¸à¸à¸à¸à¸§à¸²à¸¡à¸§à¸´à¸à¸±à¸¢.ppt?nmid=72568521"><span style="font-size:180%;">การเขียนบทความวิจัย.ppt</span></a></div>jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-46890221206176796072009-11-05T19:07:00.000-08:002009-11-06T07:20:14.459-08:00แนวทางการสร้างจิตสาธารณะ<a href="http://4.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvObcd7NKyI/AAAAAAAAAAs/rgVTUPL6_V0/s1600-h/Kids.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400831291518954274" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; CURSOR: hand; HEIGHT: 82px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvObcd7NKyI/AAAAAAAAAAs/rgVTUPL6_V0/s320/Kids.jpg" border="0" /></a><br /><div><br /><div align="center"><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#3333ff;"><strong>แนวทางการสร้างจิตสาธารณะ </strong></span><a id="s02" name="s02"></a><span style="font-family:arial;"></span></div><span style="font-family:Arial;color:#cc0000;"></span><br /><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:arial;color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">......................</span><span style="font-family:arial;">การสร้างจิตสาธารณะ เป็นความรับผิดชอบในตนเอง แม้ว่าจะได้รับการอบรมสั่งสอนถ้าใจตนเองไม่ยอมรับ จิตสาธารณะก็ไม่เกิด ฉะนั้นคำว่า "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" จึงมีความสำคัญส่วนหนึ่งในการสร้างจิตสาธารณะถ้าตนเองไม่เห็นความสำคัญแล้วคงไม่มีใครบังคับได้</span></span><span style="font-family:arial;"><br /><span style="color:#cc0000;"></span><br /><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">.....................</span>นอกจากใจของตนเองแล้ว แนวทางที่สำคัญในการจิตสาธารณะยังมีอีกหลายประการถ้าปฏิบัติได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม</span><br /><span style="color:#3333ff;"></span><br /><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">...................</span>1. สร้างวินัยในตนเอง</span><span style="color:#cc33cc;"> ตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในระบบประชาธิปไตย รู้ถึงขอบเขตของสิทธิ เสรีภาพหน้าที่ ความรับผิดชอบ ต่อตนเองและสังคม</span><br /><span style="color:#cc33cc;"></span><br /><span style="color:#009900;"><span style="color:#ffffff;">....................</span>2. ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม</span> <span style="color:#cc33cc;">ตระหนักเสมอว่าตนเอง คือส่วนหนึงของสังคมต้องมีความรับผิดชอบในการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องของส่วนรวม ทั้งต่อประเทศชาติ และโลกใบนี้</span><br /><span style="color:#ff99ff;"></span><br /><span style="color:#009900;"><span style="color:#ffffff;">....................</span>3. ตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสังคม</span> <span style="color:#cc66cc;">ให้ถือว่าเป็นปัญหาของตนเอง เช่นกันอย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ ต้องช่วยกันแก้ไข เช่น ช่วยกันดำเนินการให้โรงงานอุตสาหกรรมสร้างบ่อพักน้ำทิ้งก่อนปล่อยลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ</span><br /><span style="color:#cc66cc;"></span><br /><span style="color:#009900;"><span style="color:#ffffff;">.....................</span>4. ยึดหลักธรรมในการดำเนินชีวิต</span> <span style="color:#cc66cc;">เพราะหลักธรรมหรือคำสั่งสอนในทุกศาสนาที่นับถือ สอนให้คนทำความดีทั้งสิ้น ถ้าปฏิบัติได้จะทำให้ตนเองมีความสุข นอกจานี้ยังก่ิอให้เ้กิดประโยชน์ต่อสังคมด้วยทำให้เราสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข</span><br /><span style="color:#cc66cc;"></span><br /><br /><br /></span></span><div align="center"><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:arial;"><span style="color:#cc0000;">ตัวอย่างหลักธรรมทางศาสนาที่เกี่ยวข้องกับตนเอง</span> </span></span></div><br /><br /><div align="center"><span style="font-family:arial;font-size:130%;"></span></div><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:arial;"><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">..............</span>พระพุทธศาสนา</span><br /><span style="color:#ffffff;">...............</span><span style="color:#993399;">หลักคำสอนในการช่วยเหลือ หรือพึ่งพาตนเอง ที่พุทธศาสนิกชนได้ยินจากพุทธสุภาษิตอยู่เสมอ คืออัตตาหิ อัตตโน นาโถ หรือตนเป็นที่พึ่งแห่งตน</span><br /><span style="color:#993399;"></span><br /><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">..............</span>คริสต์ศาสนา</span><br /><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">..............</span>หลักคำสอนในศาสนาคริสต์ คือ ต้องรู้จักช่วยเหลือตนเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยท่าน</span><br /><span style="color:#993399;"></span><br /><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">..............</span>ศาสนาอิสลาม</span><br /><span style="color:#ffffff;">..............</span><span style="color:#993399;">หลักคำสอนจะคล้ายกับคริสต์ศาสนา ก็คือ ให้รู้จักช่วยตนเอง และรู้จักเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีเสียก่อนแล้วพระเจ้าจะช่วยท่าน</span><br /></span></span><span style="font-family:Arial;color:#993399;"></span><br /><span style="font-family:Arial;color:#ff0000;"><strong><em>ข้อมูลเพิ่มเติม <a href="http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/s1301/unit08.html">http://edu.e-tech.ac.th/mdec/learning/s1301/unit08.html</a></em></strong></span></div>jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com5tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-17900746689037358462009-11-05T18:37:00.001-08:002009-11-06T07:21:41.584-08:00สร้างเด็กไทยให้มี จิตสาธารณะ<a href="http://4.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOYyaUp0mI/AAAAAAAAAAU/IAY32SvPVnw/s1600-h/global_kids_by_prowny_350.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400828369974186594" style="DISPLAY: block; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 255px; CURSOR: hand; HEIGHT: 236px; TEXT-ALIGN: center" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOYyaUp0mI/AAAAAAAAAAU/IAY32SvPVnw/s320/global_kids_by_prowny_350.jpg" border="0" /></a><br /><div><span style="color:#ffffff;">......................</span><span style="font-family:arial;font-size:130%;color:#993399;"><a href="http://www.oknation.net/blog/learning/2009/10/10/entry-1">คุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 เพื่อต้องการให้เด็กไทยเติบโตเป็นทรัพยากรอันมีค่าของประเทศ</a></span></div>jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-9219176332026911002009-11-05T18:12:00.000-08:002009-11-06T07:25:19.841-08:00ปัจจัยที่ก่อให้เกิดจิตสาธารณะ<a href="http://2.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOa3WdrBpI/AAAAAAAAAAk/3A06t5lHCwo/s1600-h/images[11].jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400830653860873874" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 196px; CURSOR: hand; HEIGHT: 124px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOa3WdrBpI/AAAAAAAAAAk/3A06t5lHCwo/s320/images%5B11%5D.jpg" border="0" /></a><br /><div><br /><br /><div align="center"><span style="font-family:arial;font-size:180%;color:#3333ff;">ปัจจัยที่ก่อให้เกิดจิตสาธารณะ</span></div><br /><br /><div align="left"><span style="font-size:130%;"><span style="font-family:Arial;color:#ffffff;">..................</span></span></div><div align="left"><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ff6600;"><span style="font-family:Arial;color:#ffffff;"> </span>การมีจิตสาธารณะนั้น เป็นสิ่งที่เกิดตามวิถีการดำเนินชีวิตของแต่ละบุคคล สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน และสังคม ซึ่งไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม และสังคม สัญจร (2543 : 13) สรุปว่า จิตสาธารณะ หรือ จิตสำนึกทางสังคม อยู่ภายใต้อิทธิพลของปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ดังนี้ </span></span></div><span style="color:#ff6600;"><div align="left"><br /></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ffffff;">.....................</span><span style="color:#009900;">ปัจจัยภายนอก เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับภาวะทางสัมพันธภาพของมนุษย์ ภาวะทางสังคมเป็นภาวะที่ลึกซึ้งที่มีผลต่อจิตสำนึกด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ เป็นภาวะที่ได้อบรมกล่อมเกลา และสะสมอยู่ในส่วนของการรับรู้ทีละเล็กทีละน้อย ทำให้เกิดสำนึกที่มีรูปแบบหลากหลาย ภาวะแวดล้อมทางสังคมนี้เริ่มตั้งแต่พ่อแม่พี่น้อง ญาติ เพื่อน ครู สื่อมวลชน บุคคลทั่วไป ตลอดจนระดับองค์กร วัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ กฎหมาย ศาสนา รวมทั้งภาวะแวดล้อมด้านสื่อสารมวลชน และส่วนที่กำกับสำนึกของบุคคล คือ การได้สัมผัสจากกใช้ชีวิตที่มีพลังต่อการเกิดสำนึก อาทิ การไปโรงเรียน ไปทำงาน ดูละคร ฟังผู้คนสนทนากัน</span> เป็นต้น </span></div><div align="left"><br /><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ffffff;">.....................</span><span style="color:#993399;">ปัจจัยภายใน สำนึกที่เกิดจากปัจจัยภายใน หมายถึง การคิดวิเคราะห์ของแต่ละบุคคลในการพิจารณาตัดสินคุณค่าและความดีงาม ซึ่งส่งผลต่อพฤติกรรมและการประพฤติปฏิบัติโดยเฉพาะการปฏิบัติทางจิตใจ เพื่อขัดเกลาตนเองให้เป็นไปทางใดทางหนึ่ง โดยเกิดจากการรับรู้จากการเรียนรู้ การมองเห็น การคิด แล้วนำมาพิจารณาเพื่อตัดสินใจว่าต้องการสร้างสำนึกแบบใด ก็จะมีการฝึกฝนและสร้างสมสำนึกเหล่านั้น </span></span></div><span style="color:#993399;"><div align="left"><br /></span><span style="font-size:130%;"><span style="color:#ffffff;">...................</span><span style="color:#ff0000;">การเกิดจิตสำนึกไม่สามารถสรุปแยกแยะได้ว่าเกิดจากปัจจัยภายในหรือภายนอกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะทุกสรรพสิ่งมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน จิตสำนึกที่มาจากภายนอกเป็นการเข้ามาโดยธรรมชาติ กระทบต่อความรู้สึกของบุคคล แล้วกลายเป็นจิตสำนึกโดยธรรมชาติ และมักไม่รู้ตัว แต่จิตสำนึกที่เกิดจากปัจจัยภายในเป็นความจงใจเลือกสรร บุคคล ระลึกรู้ตนเองเป็นอย่างดี เป็นสำนึกที่สร้างขึ้นเอง ระหว่างปัจจัยภายใน และภายนอก เป็นปฏิสัมพันธ์ที่มีความต่อเนื่องกัน ดังนั้น การพัฒนาจิตสำนึกจึงต้องกระทำควบคู่กันไปทั้งปัจจัยภายในและภายนอก</span></span></div><div align="left"><span style="font-size:130%;color:#ff0000;"></span> </div><div align="left"><span style="color:#ff0000;"></span> </div><div align="left"></div><span style="color:#3333ff;">อ้างอิงจาก </span><a href="http://ireo.bu.ac.th/moral.doc">http://ireo.bu.ac.th/moral.doc</a><br /><br /><div align="left"><span style="color:#ff0000;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOafHF2JhI/AAAAAAAAAAc/aDtvnnUV_ys/s1600-h/images[13].jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400830237417547282" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 183px; CURSOR: hand; HEIGHT: 98px" alt="" src="http://4.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOafHF2JhI/AAAAAAAAAAc/aDtvnnUV_ys/s320/images%5B13%5D.jpg" border="0" /></a></span></div></div>jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-46143940100604248772009-11-05T05:41:00.000-08:002009-11-05T20:09:58.078-08:00“จิตสาธารณะ” ทุนของมนุษย์ในโลกยุคใหม่<a href="http://2.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOhh6-xyfI/AAAAAAAAABM/Wmd7B2G0knY/s1600-h/u11026089.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400837982287677938" style="FLOAT: right; MARGIN: 0px 0px 10px 10px; WIDTH: 214px; CURSOR: hand; HEIGHT: 213px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOhh6-xyfI/AAAAAAAAABM/Wmd7B2G0knY/s320/u11026089.jpg" border="0" /></a><br /><div><br /><br /><br /><div><span style="color:#ff0000;"><span style="color:#ffffff;">...................</span>“บุคคลจะสามารถเอาตัวรอดและประสบความสำเร็จทั้งในด้านการทำงาน และการดำเนินชีวิตในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ได้จะต้องมีจิตสาธารณะทั้ง 5 ประการ ประกอบรวมอยู่ในตัวของคนๆนั้น นอกจากนี้จิตสาธารณะทั้ง 5 ยังจะช่วยจรรโลงให้สังคมโลกในอนาคตเป็นสังคมที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น”</span><br /><br /><span style="color:#3333ff;"><span style="color:#ffffff;">.....................</span>ข้อความข้างต้นคือข้อสรุปจากหนังสือ Five minds for the Future ซึ่งเป็นหนังสือเล่มล่าสุดของ Howard Gardner นักวิชาการด้านการศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้เขียนเรื่อง Frame of Minds และ Changing Minds ที่เคยจุดประเด็น ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligence) จนโด่งดังไปทั่วทั้งวงการศึกษาที่มีแนวคิดแตกต่างออกไป</span><span style="color:#3366ff;">ว่า…“</span><br /><span style="color:#3366ff;"></span><br /><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">.......................</span>ความฉลาดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการวัดจากไอคิว ซึ่งเน้นแค่การคำนวณ ตรรกะและภาษาเพียงเท่านั้น แต่ความฉลาดนั้นมีด้วยกันหลายด้านและมนุษย์แต่ละคนนั้นก็มีความฉลาดเฉพาะตนที่แตกต่างกันออกไป”ในหนังสือเล่มล่าสุดของ Gardner ที่สำนักงาน ก.พ.กำลังเตรียมที่จะนำสาระมาถ่ายทอดเป็นหนังสือน่าอ่าน ได้ชี้ให้เห็นและเน้นความสำคัญของ “ความฉลาดหรือทักษะ” ซึ่ง Gardner ใช้แทนด้วยคำว่า “จิต” (Mind) ทั้ง 5 ประการที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในทุกๆด้านในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ซึ่งจิตทั้ง 5 นั้นประกอบไปด้วย</span><br /><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>1.จิตแห่งวิทยาการ (Disciplined Mind) หมายถึง “การเรียนรู้ตลอดชีวิต คิดเป็น ทำเป็น” </span><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>2.จิตแห่งการสังเคราะห์ (Synthesizing Mind) หมายถึง “การสั่งสม ต่อยอด และสร้างนวัตกรรมความรู้” </span><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>3.จิตแห่งการสร้างสรรค์ (Creating Mind) ที่เชื่อว่า “ความคิดสร้างสรรค์สร้างด้วยการหมั่นฝึกฝน” </span><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">..........</span>4.จิตแห่งความเคารพ (Respectful Mind) หมายถึง “การเปิดใจกว้างพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น” และ </span><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>5.จิตแห่งคุณธรรม (Ethical Mind) อันสรุปได้ว่า “ความรู้คู่คุณธรรม นำการพัฒนา</span><br /><span style="color:#cc0000;"></span><br /><span style="color:#cc0000;"></span><br /><span style="color:#ffcc33;"><span style="color:#ffffff;">..................</span>”Gardner ยังได้เน้นว่า จิตทั้ง 5 นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อมนุษย์ในโลกยุคใหม่ และจะต้องมีครบทั้ง 5 จิต จะขาดจิตใดจิตหนึ่งไปเสียไม่ได้ เพราะจิตทั้ง 5 มีผลต่อการพัฒนาตัวบุคคลทั้งในแง่การทำงานและการดำเนินชีวิต ซึ่งจะส่งผลให้สังคมมีคนที่มีคุณภาพ โดยจะกลายเป็นพลังในการที่จะขับเคลื่อน องค์กร สังคม และประเทศชาติให้ก้าวไปสู่จุดมุ่งหมาย และยืนหยัดอยู่ภายใต้การแข่งขันในโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน</span><br /><br /><br /><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">...............</span>ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาเครือข่ายองค์ความรู้สาธารณะด้านการจัดการทุนมนุษย์ สำนักงาน ก.พ. ได้อธิบายถึงความจำเป็นในการเร่งพัฒนาทุนมนุษย์ของประเทศไทยว่า โลกในปัจจุบันได้เปลี่ยนจากสังคมเกษตรกรรมมาสู่สังคมฐานความรู้ ซึ่งกุญแจแห่งความสำเร็จในสังคมฐานความรู้นั้นประกอบไปด้วย </span><br /><span style="color:#006600;"></span><br /><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">..........</span>1.รู้หรือไม่ว่าในโลกนี้มีอะไร (Knowing) </span><br /><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">..........</span>2.รู้แล้วนำมาคิดต่อยอดได้หรือไม่ (Thinking) </span><br /><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">..........</span>3.นำความคิดนี้ไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ (Serving) และ </span><br /><span style="color:#006600;"><span style="color:#ffffff;">.........</span>4.นำความรู้ที่มีและได้มานั้นมาเป็นประสบการณ์ได้หรือไม่ (Experiencing)</span><br /><br /><span style="color:#333399;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>ซึ่งทั้ง 4 ข้อนี้คือองค์ประกอบที่สำคัญของสังคมฐานความรู้ แต่ในสังคมหลังฐานความรู้จะมีองค์ประกอบที่สำคัญอีก 4 ข้อเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วย </span><br /><span style="color:#333399;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>1.ความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อกัน (Trusting) </span><br /><span style="color:#333399;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>2.ความใส่ใจต่อผู้อื่น (Caring) </span><br /><span style="color:#333399;"><span style="color:#ffffff;">............</span>3.การแบ่งบันกับผู้อื่น (Sharing) และ</span><br /><span style="color:#333399;"><span style="color:#ffffff;">...........</span>4.ความร่วมมือร่วมใจ (Collaborating)</span><br /><span style="color:#333399;"></span><br /><span style="color:#333399;"></span><span style="color:#990000;"></span><span style="color:#ff0000;"><span style="color:#ffffff;">...............</span>สรุปได้ว่าในโลกยุคสังคมหลังฐานความรู้จะเป็นการรวมกันขององค์ประกอบหลัก จากสังคมทั้งสองยุค แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของโลกว่ากำลังย้อนกลับไปสู่ค่านิยมในเรื่องของจิตใจที่ดีงามในยุคของสังคมเกษตรกรรม แต่ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีการสื่อสารมาใช้ให้เกิดเครือข่ายการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน </span><br /><span style="color:#ff0000;"></span><br /><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">................</span>ซึ่งองค์ประกอบจากสังคมทั้ง 2 ยุคสอดคล้องกับกับแนวคิดเรื่อง “จิตทั้ง 5” ของ Gardner อย่างลงตัว และมีเป้าหมายเดียวกันกับนโยบายการบริหารประเทศ ใน แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ที่มุ่งเน้นในเรื่องของ “การเตรียมความพร้อมของคนไทย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องเผชิญในอนาคต”</span><br /><span style="color:#993399;"></span><br /><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">....................</span>นั่นก็หมายถึงว่านอกจากเราจะสร้างความรู้ให้กับคนแล้ว ยังจะต้องสร้างและพัฒนา ความคิด ทัศนคติ มุมมองต่อโลกและสังคม ในแง่ของ “จิตใจ” ตามแนวทางการพัฒนา “ความรู้คู่คุณธรรม” ให้เกิดขึ้นกับคนในสังคมและประเทศชาติ</span><br /><span style="color:#993399;"></span><br /><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">.......................</span>“โลกในยุคสังคมหลังฐานความรู้จะมุ่งเน้นไปสู่เรื่องของการใส่ใจและการแบ่งปัน คือการที่คนเรามีค่านิยมในเรื่องของจิตสาธารณะก็จะทำให้คนเราเกิดความใส่ใจและห่วงใยกัน แต่ในขณะเดียวกันเราก็นำเอาความรู้หรือข้อมูลต่างๆที่มีออกไปเผยแพร่และแบ่งปันกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือหัวใจหลักของการพัฒนาทุนมนุษย์” ดร.สุวิทย์ กล่าวสรุป</span><br /><span style="color:#993399;"><span style="color:#ffffff;">....................</span>การเตรียมความพร้อมของคนไทย เพื่อรองรับกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมในเรื่องของกำลังคนให้มีคุณลักษณะและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ในอนาคตดังที่ Gardner ได้กล่าวไว้ใน Five Minds for the Future นั่นเอง</span><br /><span style="color:#993399;"></span><br /><span style="color:#000099;">แล้วสมาชิกทุกท่านคิดอย่างไรค่ะ</span><br /><br />อ้างอิงจาก :<a href="http://gotoknow.org/blog/administer1-c/216833">http://gotoknow.org/blog/administer1-c/216833</a></div></div>jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4788736260653108681.post-78292167236053198682009-11-05T05:28:00.000-08:002009-11-05T20:11:04.062-08:00จิตสาธารณะคืออะไร<div align="center"><span style="font-family:arial;font-size:130%;color:#cc0000;">จิตสาธารณะหรือจิตสำนึกสาธารณะ (PublicConsciousness)</span></div><span style="font-family:arial;font-size:130%;"><span style="color:#000099;"><span style="color:#ff6600;"><span style="color:#ffffff;">..............</span>1.ราชบัณฑิตยสถาน</span> ได้ให้ความหมายของจิตสำนึกทางสังคม หรือจิตสำนึกสาธารณะว่า คือ การตระหนักรู้และคำนึงถึงส่วนรวมร่วมกัน หรือการคำนึงถึงผู้อื่นที่ร่วมสัมพันธ์เป็นกลุ่มเดียวกัน<br /></span><span style="color:#ff6666;"><span style="color:#ffffff;">.............</span>2.สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ</span> <span style="color:#009900;">ได้ให้ความหมายว่า การรู้จักเอาใจใส่เป็นธุระและเข้าร่วมในเรื่องของส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ มีความสำนึกและยึดมั่นในระบบคุณธรรม และจริยธรรมที่ดีงาม ละอายต่อสิ่งผิด เน้นความเรียบร้อย ประหยัดและมีความสมดุลระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ<br /></span><br /><span style="color:#cc0000;"><span style="color:#ffffff;">...............</span>สรุป จิตสาธารณะ</span> <span style="color:#cc33cc;">หมายถึงจิตที่คิดสร้างสรรค์ เป็นกุศล และมุ่งทำกรรมดีที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม•คิดสร้างสรรค์ คือ คิดในทางที่ดี ไม่ทำลายบุคคล สังคม วัฒนธรรม ประเทศชาติและสิ่งแวดล้อม•กรรมดี คือ การกระทำ และคำพูดที่มาจากความคิดที่ดี<br /><a href="http://2.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOgmABYoPI/AAAAAAAAABE/cr-ZUuW1zfc/s1600-h/MEN-AS09-gazette-earth-kids.jpg"><img id="BLOGGER_PHOTO_ID_5400836952848638194" style="FLOAT: left; MARGIN: 0px 10px 10px 0px; WIDTH: 307px; CURSOR: hand; HEIGHT: 211px" alt="" src="http://2.bp.blogspot.com/_fIjJeO2KgAA/SvOgmABYoPI/AAAAAAAAABE/cr-ZUuW1zfc/s320/MEN-AS09-gazette-earth-kids.jpg" border="0" /></a></span></span>jarunee009http://www.blogger.com/profile/04368041659963164049noreply@blogger.com5